เลือกพรมปูพื้นยังไงให้โดนใจ

          สำหรับใครที่กำลังจะมีคอนโดหรือบ้านหลังใหม่สวยๆ แล้วละก็ คงจะอยากได้พรมปูพื้นสวยๆ มาตกแต่งบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองแน่นอน เรามาดูวิธีการเลือกพรมปูพื้นกันเลยดีกว่าครับ

          ประโยชน์ของพรมปูพื้นนั้นไม่ได้มีไว้แค่ตกแต่งพื้นบ้านให้มีความสวยงามเท่านั้น แต่ความนุ่มของพรมปูพื้นยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายสบายเท้ามากๆ อีกด้วย จึงไม่ใช่เรืองแปลกหากเราจะเห็นการจัดแต่งบ้านที่มีพรมปูพื้นเป็นส่วนประกอบรวมอยู่ด้วย หากคุณเป็นคนที่กำลังมองหาพรมปูพื้นสักผืนมาแต่งบ้านบ้าง จะเลือกพรมปูพื้นอย่างไรให้ตรงใจที่สุด บทความนี้มีคำตอบครับ

          1. พื้นรองพรมหรือด้านล่างของพรมปูพื้นควรเป็นพื้นยาง
              ในส่วนของวัสดุรองพื้นพรมเราควรพิจารณาด้วยเรื่องของความทนทานเอาไว้ก่อน ซึ่งวัสดุด้านล่างพรมปูพื้นที่ดีนั้นควรจะเป็นพื้นยาง เพราะวัสดุที่เป็นยางจะมีแรงเสียดทานกับพื้นผิวค่อนข้างสูงช่วยทำให้พรมปูพื้นยึดเกาะกับพื้นบ้านได้อย่างแน่นหนากว่าวัสดุแบบอื่นๆ นอกจากนั้นแล้วน้ำหนักรวมของพรมก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 2.7-3.6 กิโลกรัม และมีเส้นไหมอย่างน้อย 3-4 เส้นไหมต่อขนพรม 1 เส้น

ลักษณะของพื้นยางด้านล่างพรมปูพื้นที่ดี

          2. ควรเลือกดูชนิดของพรมให้เหมาะสม
              พรมปูพื้นนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายชนิด อาจทำให้คุณสับสนไม่รู้จะเลือกซื้อพรมแบบไหนมาปูพื้นห้องต่างๆ ภายในบ้านดี และในการเลือกพรมปูพื้นหากเราดูแค่ความสวยงามกับความเหมาะสมของบริเวณที่จะปูพื้นอาจจะไม่เพียงพอ เราต้องเลือกพรมปูพื้นที่มีเส้นใยถักทอหนาแน่นจนแทบไม่เหลือช่องว่างของบุรอง เส้นใยของพรมปูพื้นต้องมีความนุ่มฟูเพื่อให้สามารถรองรับแรงกดแรงกระแทกได้ และที่สำคัญคือขนพรมต้องให้สัมผัสที่นุ่มเท้า โดยพรมปูพื้นประเภทนี้ควรใช้กับบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนเดินบ่อย เช่น ห้องนอน ส่วนห้องที่ค่อนข้างมีคนเดินบ่อย พลุกพล่าน เช่น ห้องครัวและห้องนั่งเล่น แนะนำให้ใช้พรมปูพื้นที่มีขนสั้นหรือพรมผิวเรียบแทนเพราะสามารถดูดฝุ่นและทำความสะอาดได้ง่าย

ลักษณะพรมปูพื้นขนยาว หนานุ่ม ที่เหมาะกับการปูพื้นบริเวณชุดโซฟา หรือ ห้องนอน

          3. คุณจะประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากกว่า ถ้าเลือกใช้ให้เหมาะสม
              สำหรับคนที่อยากจะปูพรมให้กับบ้านของคุณทั้งหลัง ควรจะเลือกชนิดและขนาดของพรมให้เหมาะสมกับการใช้งานของห้องนั้นๆ อย่างเช่น พรมปูพื้นที่มีเส้นทอหนาแน่น คุณภาพสูง ส่วนใหญ่ราคาก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน เราจึงควรปูพื้นพรมชนิดนี้กับห้องที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างหนักหน่วงมากนัก เพื่อเป็นการยืดอายุให้กับพรมปูพื้นแสนรักให้ใช้งานได้นานๆ และมีความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด แต่ถ้าเป็นพื้นที่ใช้งานบ่อย เช่น พื้นบริเวณโถงทางเดิน พื้นห้องครัว และพื้นห้องนั่งเล่น เราอาจจะเลือกปูพรมขนตัดซึ่งถึงแม้ว่าพรมชนิดนี้จะมีความหนาแน่นของเส้นพรมน้อยกว่า แต่ก็มีความทนทานและให้สัมผัสนุ่มสบายเท้าเช่นเดียวกัน พร้อมกันนั้นควรเลือกพรมปูพื้นที่มีคุณสมบัติป้องกันการซึมเปื้อนของคราบต่างๆ ได้

          4. ควรจะศึกษาเรื่องวิธีการทำความสะอาดพรมเบื้องต้นไว้ก่อน
              สิ่งที่เราควรทำก่อนการเลือกซื้อพรมปูพื้นมาตกแต่งบ้านตามไลฟ์สไตล์ของเรา เราควรจะสอบถามกับผู้ขายเกี่ยวกับการดูแลรักษาพรมปูพื้นเบื้องต้นเอาไว้ด้วย ควรศึกษาขั้นตอนการทำความสะอาดพรมที่ถูกต้องว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งถ้าบ้านของคุณมีสัตว์เลี้ยงหรือมีเด็กเล็กย่อมหนีไม่พ้นในเรื่องของคราบเปื้อนสกปรกต่างๆ การเตรียมตัวศึกษาหาความรู้ไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องดีครับ

เจ้าหมาน้อยทำพรมปูพื้นเลอะซะแล้ว

     
5. การเลือกสีของพรมปูพื้น
               ในการเลือกสีพรมนั้นควรเลือกให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งบ้านของเราด้วยครับ ซึ่งสีแต่ละสีก็จะทำให้บรรยากาศของห้องนั้นๆ แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ห้องที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และต้องการเสริมบรรยากาศให้ดูมีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้นควรใช้พรมปูพื้นสีทองหรือสีแดงอ่อน ถ้าต้องการห้องที่ให้บรรยากาศเย็นและสงบควรปูพรมสีเขียวหรือสีฟ้า ถ้าห้องของคุณเป็นห้องเล็กแต่อยากทำให้มีความรู้สึกกว้างขึ้นก็ใช้พรมสีสว่างๆ และถ้าใครต้องการปกปิดคราบสกปรกและต้องการให้ห้องของคุณมีบรรยากาศลึกลับ ชวนค้นหา ก็แนะนำให้ใช้พรมสีเข้มๆ หรือสีดำไปเลย

พรมปูพื้นสีสว่างจะทำให้ห้องเล็กๆ ดูกว้างขึ้น

          ไม่ว่าสุดท้ายแล้วคุณจะเลือกพรมปูพื้นชนิดใดสีใดมาแต่งบ้าน ก็ควรต้องดูแลรักษาความสะอาดให้บ่อยมากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเป็นประจำทุกสัปดาห์ และต้องระมัดระวังอย่าให้น้ำหรืออาหารหกเลอะบนพื้นพรมสุดรักของคุณ ซึ่งถ้าหากเป็นเป็นน้ำเปล่าคงไม่เป็นอะไรมากนักแค่ผึ่งลมทำให้แห้งก็เรียบร้อย แต่ถ้าเป็นคราบอาหาร คราบกาแฟ อาจจะทำให้พรมปูพื้นแสนรักของคุณไม่สามารถกลับมาสวยได้ดังเดิมอีกต่อไป

เรียบเรียงโดย Chiccarpet.com