Header Ads

พรมปูพื้นเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะสมกับบ้าน

          หากคุณกำลังมองหาวัสดุปูพื้นที่ราคาไม่แพง มีประโยชน์มากกว่าเป็นแค่วัสดุปูพื้นก็คงจะหนีไม่พ้นพรมปูพื้น เพราะถือเป็นวัสดุที่สัมผัสถึงความมีมิติมากกว่าวัสดุปูพื้นชนิดอื่น พรมช่วยทำให้สบายเท้า ลดอาการส้นเท้าแตก เนื่องจากเท้าไม่ต้องสัมผัสกับพื้นแข็งๆ ยิ่งช่วงหน้าหนาว พรมปูพื้นจะทำให้คุณรู้สึกขาดไม่ได้ เพราะช่วยทำให้เท้าอุ่นขึ้น ไม่ต้องสัมผัสพื้นเย็นๆ วางพื้นบนพรมทั้งอุ่นทั้งนุ่มจนลืมความหนาวเย็นไปเลยทีเดียว

         นอกจากพรมปูพื้นจะช่วยให้เท้าเรารู้สึกสบายขึ้นแล้ว ยังช่วยตกแต่งห้องให้ดูสวยขึ้นทันตา ทำให้ห้องของเราดูมีสไตล์ ไม่น่าเบื่อ แล้วก็หายห่วงไม่ต้องกลัวพื้นจะลื่นอีกต่อไปหากคุณเลือกปูพื้นด้วยพรม แต่หากคุณคิดจะเลือกซื้อพรมปูพื้น คงมีคำถามตามมาว่า เลือกแบบไหนจะเหมาะสมกับบ้านล่ะ มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยคุณตัดสินใจ ตามมาดูกันเลย

          1. เลือกสถานที่
              ก่อนจะตัดสินใจซื้อพรมปูพื้น อันดับแรกต้องเลือกสถานที่ให้เหมาะสมเสียก่อน ซึ่งสถานที่ที่เหมาะกับการปูพื้นคือ ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องพระ ห้องอ่านหนังสือ ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้วจะทำให้เราพิจารณาในด้านของเฉดสี ขนาด และลักษณะของพรมปูพื้นที่จะกล่าวในข้อถัดไปได้ง่ายขึ้น

       
          2. ขนาด
              ขนาดของพรมปูพื้นควรเลือกให้เหมาะสมกับห้องที่ต้องการปูพรม ถ้าต้องการปูพรมหน้าโซฟา การเลือกขนาดที่ยาวใกล้เคียงกับโซฟาจะทำให้ดูสวยงาม และวางเท้าได้ตลอดแนวโซฟา ห้องรับประทานอาหาร หากต้องการปูพรมที่โต๊ะรับประทานอาหารควรเลือกพรมที่มีขนาดใหญ่กว่าโต๊ะ เพื่อให้สามารถวางเท้าได้



          3. สี
              การเลือกสีพรม หากอยากให้พรมปูพื้นดูกลมกลืนกับห้อง ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีของห้อง ถ้าอยากให้ห้องของคุณดูสว่างขึ้น สบายตา คุณควรเลือกพรมปูพื้นโทนสีสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีฟ้า สีเขียวอ่อน หรือสีเหลืองเป็นต้น แต่ถ้าหากคุณอยากให้ห้องดูมีชีวิตชีวา โดดเด่น ดูสะดุดตา คุณก็ควรเลือกพรมที่มีสีตัดกับห้อง พรมปูพื้นที่มีลวดลายหลากหลายสีสัน ทำให้ห้องคุณดูมีมิติขึ้น


          4. ลักษณะ
              พรมปูพื้นมีทั้งแบบขนสั้น ขนยาว หากต้องการพรมปูพื้นที่นุ่มมากๆ ควรเลือกแบบขนยาว แต่ถ้าหากให้ง่ายต่อการทำความสะอาดควรเลือกพรมปูพื้นแบบขนสั้น


เรียบเรียงโดย K.Joy@Chiccarpet.com

No comments:

Powered by Blogger.